การตรวจทางจุลพยาธิวิทยา การตัดผิวหนัง (skin biopsy) เพื่อส่งตรวจทางจุลพยาธิวิทยาอาจช่วยในการวินิจฉัยโรคกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะใน atypical PR แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางจุลพยาธิวิทยาของโรคนี้จะไม่มีลักษณะเฉพาะ แต่ก็สามารถช่วยวินิจฉัยแยกโรคอื่นออกไปได้. ลักษณะทางจุลพยาธิวิทยาของโรคกลีบกุหลาบ คือ superficial perivascular dermatitis พบว่ามากกว่าร้อยละ 50 ของชิ้นเนื้อที่ส่งตรวจจะพบเซลล์ผิวหนังที่มี dyskeratotic degeneration พบว่าผิวหนังชั้น granular cell layer มีขนาดเล็กลงหรือหายไป พบ acanthosis และ spongiosis ได้เล็กน้อย พบ superficial perivascular infiltration ด้วยเซลล์ lymphocytes, histiocytes และ eosinophils (พบได้น้อย) พบ extravasated purple blood cells ในชั้นหนังแท้ส่วนบนและชั้นหนังกำพร้า. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ไม่มีการทดสอบจากเลือด (blood test) ที่ใช้วินิจฉัยโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตามโรคกลีบกุหลาบอาจมีผื่น คล้ายผื่นของโรคซิฟิลิส ระยะที่ 2 (secondary syphilis) จึงควรเจาะเลือดตรวจ VDRL หรือ RPR ควรระวังผลลบลวง (false negative) จาก prozone phenomenon พิจารณาส่งตรวจเอชไอวีตามความเหมาะสม. อาจทำการขูดผิวหนังแล้วหยด KOH เพื่อดูเชื้อรา ใช้ในการวินิจฉัยแยกโรคติดเชื้อราที่ผิวหนังออกจากผื่นแจ้งข่าว. เมื่อผื่นหายอาจพบการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนังเป็นรอยขาว (hypopigmentation) หรือรอยคล้ำดำ (hyperpigmentation) ในผู้ป่วยที่มีผิวสีเข้มมักพบการเปลี่ยนสีผิวเป็นรอยคล้ำดำ. ผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบ ที่มีผื่นนานกว่า 3 เดือนอาจเป็นโรค pityriasis lichenoides chronica (ภาพที่ 8).
การตรวจร่างกาย ผื่นแจ้งข่าวมักมีผื่นเดียว มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-10 ซม. ลักษณะผื่นเป็นวงรีรูปไข่หรือวงกลม ตรงบริเวณกลางผื่นลักษณะเป็นผิวหนังย่นสีส้ม (wrinkled, salmon colored) และบริเวณรอบนอกมีสีแดงเข้ม ทั้ง 2 บริเวณนี้แยกจากกันด้วยขุยบางๆ (ภาพที่ 2) มักพบผื่นแจ้งข่าวที่ลำตัว แต่ก็อาจพบที่คอหรือ แขนขา. โรคกลีบกุหลาบ (pityriasis rosea, PR) เป็นโรคผิวหนังที่มีผื่นลักษณะเฉพาะ และมีอาการเฉียบพลันมีการบรรยายถึงโรคนี้มาเกือบ one hundred fifty ปีแล้ว เริ่มแรกจะมีผื่นปฐมภูมิเรียกว่า ผื่นแจ้งข่าว (herald patch)ต่อมาอีก 1-2 สัปดาห์จะมีผื่นลักษณะเฉพาะกระจายทั่วไป. ผื่นเหล่านี้จะเป็นอยู่นานประมาณ 2-6 สัปดาห์ คำว่า pityriasis rosea มาจากลักษณะของผื่น คือ pityriasis หมายถึงขุยบางๆ (fine scales) และ rosea แปลว่า สีดอกกุหลาบหรือสีชมพู ภาษาไทยจึงอาจใช้ว่า โรคขุยกุหลาบ แต่เนื่องจากลักษณะผื่นเป็นวงรีหรือวงกลมรูปไข่ จึงอาจเรียกว่า โรคกลีบกุหลาบ พบว่าร้อยละ ของผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบมีผื่นปฐมภูมิเกิดขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์หรือนานกว่านั้น. ก่อนที่จะมีผื่นขนาดเล็กจำนวนมากขึ้นตามมาในภายหลัง ผื่นทุติยภูมิที่เกิดตามมานี้มักเป็นตามแนวลายเส้นของผิวหนัง (lines of cleavage of the skin) รอยโรคที่หลังอาจเรียงดูคล้ายต้นคริสต์มาส (“Christmas tree” pattern). ลักษณะทางสถาปัตยกรรมอาคารโรงเรียนสวนกุหลาบ เป็นอาคารเรียนในแนวเหนือ-ใต้ ริมถนนตรีเพชร สูง 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน ด้านหน้าอาคารชั้นล่างเป็นห้องเรียน ชั้นบนเป็นเป็นเฉลียงทางเดินสลับกับห้องเรียน ส่วนด้านหลังเป็นทางเดินเฉลียง หน้าต่างมีแตกต่างกัน 2 แบบ คือ เป็นแบบบานกะทุ้ง บานเกร็ด และแบบบานลูกฟัก-กระดานดุน ส่วนบนของกรอบหน้าต่างมีลายปูนปั้นประดับ ตรงมุมถนนจักรเพชรมีกระบังปูนปั้น มีจำนวน 2 แห่ง ประดับลวดลายตรงกลางเป็นลายดอกไม้ ภายในกรอบรูปไข่ ส่วนยอดของกระบังเป็นลายใบไม้ ทางเข้าถนนด้านถนนตรีเพชร ชั้นบนเป็นอาคารเรียน ชั้นล่างเป็นทางเข้า หลังคาทางช่องนี้ทำเป็นจั่วอาคาร ประดับตราโรงเรียนเป็นรูปดอกกุหลาบ พระเกี้ยวและพระปรมาภิไธย จ.ป.ร.
เพศ พบได้เท่าๆ กันในทั้ง 2 เพศ หรืออาจพบในเพศหญิงสูงกว่าเพศชายเล็กน้อย. สงวนลิขสิทธิ์ © 2566 บริษัท ดอท พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด.
ยากลุ่มปฏิชีวนะ ในรูปยากิน คือ ery-thromycin ขนาดยาในผู้ใหญ่ 250 มก. ทุก 6 ชั่วโมง (ให้ 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร) หรือ 500 มก.ทุก 12 ชั่วโมง ในเด็กให้ขนาดยา มก./กก./วัน แบ่งให้ทุก 6-8 ชั่วโมง ยาตัวนี้เป็น being pregnant category B เช่นกัน. ยากลุ่มต้านไวรัส ในรูปยากิน คือ acyclovir ขนาดยาในผู้ใหญ่ 800 มก.
การฉายแสง การฉายรังสียูวีบี (UV-B light therapy) อาจลดอาการคันได้ แต่ก็มีรายงาน แย้งว่าการฉายรังสียูวีบีไม่ช่วยลดอาการคัน เพียงแค่ลดความรุนแรงของโรค และยังอาจทำให้เกิดรอยคล้ำ (postinflammatory pigmentation) ตามมา. เพฟ รังสิต เพราะการพักผ่อนที่ดีคือจุดเริ่มต้นดีดีของวัน และที่แห่งนี้คือศูนย์รวมข… บ้านพฤกษา 12 รังสิต-คลองสาม ให้เช่าทาวน์เฮาส์ บ้านพฤกษา 12 รังสิต-คลองสาม (Baan Pruksa 12 Rangsit-…
ทุก 6 ชั่วโมง นาน 5-10 วัน เป็น pregnancy class B เช่นกัน. แต่เชื่อเถอะว่า พวกเขาจะไม่ยอมให้กุหลาบแห่งอำนาจดอกนั้นมีโอกาสได้เบ่งบานอย่างสบายอกสบายใจแน่นอน. พยากรณ์โรค ดีมาก มีโอกาสกลับเป็นซ้ำน้อยกว่าร้อยละ 3.
เพราะความสุข เริ่มต้นที่บ้าน, Live your day Style your home.
ส่วนความชุกที่พบตามคลินิกผู้ป่วยโรคผิวหนังอยู่ระหว่างร้อยละ 0.3-3 ทั้งนี้โรคกลีบกุหลาบปรากฏได้ทั่วโลก. อายุ พบบ่อยที่สุดในช่วงวัยเด็กถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ความชุกของโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวัยเด็กเป็นต้นไป. พบโรคนี้บ่อยที่สุดในคนกลุ่มอายุ ปี พบน้อยมากในช่วงวัยทารกและในคนชรา เคยมีรายงานว่าพบโรคนี้ในทารกอายุ 3 เดือน. เว็บไซต์เพื่อคนที่สนใจเรื่องบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด รวมทั้งวาไรตี้เกี่ยวกับบ้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ส่งตรงถึงมือคุณในเว็บเดียว
การให้สุขศึกษาผู้ป่วย ควรอธิบายให้ผู้ป่วยและผู้ปกครองเข้าใจว่าโรคนี้มักมีการดำเนินโรคอยู่นานยาว 6 สัปดาห์ คือหลังมีผื่นปฐมภูมิจะมีผื่นทุติยภูมิตามมา และมีผื่นทุติยภูมิขึ้นหมดในช่วง 2 สัปดาห์แรก และผื่นเหล่านี้จะคงอยู่นานยาว 2 สัปดาห์ และจะค่อยๆ จางจนหมดไปในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย. อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจมีผื่นอยู่นานถึง 3-4 เดือนหรือนานกว่านี้. อุบัติการณ์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาความชุกของโรคนี้ในเพศชายเท่ากับร้อยละ zero.13 และในเพศหญิงเท่ากับร้อยละ 0.14.
ผื่นทุติยภูมิที่เกิดขึ้นตามมาจะปรากฏให้เห็นมากที่สุดในราว 10 วัน ลักษณะของผื่นทุติยภูมิจะกระจาย 2 ข้างของร่างกายเท่าๆ กัน มักกระจายตามลำตัวและส่วนที่ติดกับลำตัวคือ ลำคอ ต้นแขนต้นขา ท้อง หน้าอก (ภาพที่ 3) และหลัง (ภาพที่ 4). โรคกลีบกุหลาบชนิดที่เกิดจากยา (drug-induced PR) พบได้บ่อยว่าไม่มีผื่นแจ้งข่าวนำมาก่อนและมักมีการดำเนินโรคนานกว่า ยังพบโรคกลีบกุหลาบที่มีผื่นเฉพาะที่ฝ่ามือฝ่าเท้า (ภาพที่ 7) ทำให้ยิ่งดูคล้ายซิฟิลิสระยะที่สอง ในรายที่มีอาการคันมากพบว่ารอยโรคอาจเปลี่ยนแปลงทำให้ดูคล้ายผิวหนังอักเสบชนิด eczema. พบรอยโรคในช่องปากได้ อาจมีลักษณะเป็นปื้นนูนแดง (erythematous plaques), จุดเลือดออก (hemorrhagic puncta) และแผลในปาก (ulcer). นอกจากนั้นก็พบว่ายาบางขนานทำให้เกิดโรคกลีบกุหลาบได้ (drug-induced PR) ที่เคยมีรายงาน เช่น bismuth, barbiturates, captopril, gold, organic mercurials, methoxypromazine, metronidazole, D-penicillamine, isotretinoin, tripelennamine hydrochloride, ketotifen, salvarsan, levamisole, ketotifen, clonidine, aspirin, omeprazole, terbinafine และ imatinib mesylate แม้แต่วัคซีน BCG และ diphtheria ก็เคยมีรายงานว่าทำให้เกิดผื่นคล้ายโรคกลีบกุหลาบ.พบว่าผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ (atopy), โรคเซ็บเดิร์ม (seborrheic dermatitis), โรคสิว และรังแค สูงกว่าคนทั่วไป และพบว่ามักมีการกำเริบของผื่นมากขึ้นในผู้ที่มีความเครียดสูง. การซักประวัติ อาจพบอาการนำมาก่อน (prodromal symptoms) ผื่นขึ้น ได้แก่ อาการเหนื่อย เมื่อยล้า, คลื่นไส้, เบื่ออาหาร, ไข้, ปวดข้อ, คลำพบต่อมน้ำเหลืองโต และปวดศีรษะ ร้อยละ 8-20 ของ ผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบอาจมีประวัติโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน อาการเหล่านี้อาจนำมาก่อนการเกิดของผื่นแจ้งข่าว ร้อยละ 75 ของผู้ป่วยโรคกลีบกุหลาบมีอาการคัน ซึ่งร้อยละ 25 อาจคันรุนแรงมาก ให้สอบถามผู้ป่วยว่าเกิดผื่นเป็นครั้งแรกหรือเคยเป็นมาก่อน มีผู้ใกล้ชิดเป็นผื่นแบบเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งควรซักประวัติการใช้ยาด้วย.